สธ. พร้อมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009
เข็มแรกในกลุ่มเสี่ยงวันที่ 11 มกราคม 2553
กระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนประชาชนว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังระบาดอยู่
ประชาชนต้องป้องกันตนเองและเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัว ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2
รายที่เชียงใหม่และบุรีรัมย์
เหตุเพราะเข้ารับการรักษาเมื่ออาการหนักแล้ว
ส่วนการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 จะเริ่มฉีดเข็มแรกในวันที่ 11 มกราคม
2553 เริ่มที่คนท้อง คนอ้วน 2 กลุ่มเสี่ยงสูงสุดก่อน
นายวิทยา
แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า ไข้หวัดใหญ่
2009 ยังคงมีการระบาดอยู่ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
ประชาชนยังต้องป้องกันตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเช่น
หญิงตั้งครรภ์ คนอ้วนน้ำหนักตัวเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน 2552 -6 ธันวาคม 2552
ได้รับรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มขึ้น 2 ราย
เป็นหญิงทั้งคู่ อายุ 46 ปี และ 56 ปี อยู่ที่อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
และที่อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์
สาเหตุเสียชีวิตเนื่องจากไปโรงพยาบาลเมื่อป่วยหนักแล้ว
ทำให้การรักษาไม่ได้ผล
นายวิทยา กล่าวต่อว่า
ในส่วนความคืบหน้าของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่สั่งไป 2 ล้านโดสนั้น
ขณะนี้ได้รับตัวอย่างมาแล้ว 10,000 โดส อยู่ระหว่างขึ้นทะเบียนที่อย.
ที่เหลือทั้งหมดจะเข้ามาปลายเดือนธันวาคมนี้ 2 แสนโดส
และครบทั้งหมดในปลายเดือนมกราคม 2553 ในการฉีดวัคซีนนั้น
จะให้กรมควบคุมโรคเป็นผู้กระจายวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ
โดยมีคณะกรรมการวิชาการพิจารณากลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีนนี้ก่อน
มีการตรวจสอบหลักฐานว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงจริงตามที่ได้สำรวจไว้
กำชับไม่ให้เกิดการบริการวัคซีนผิดกลุ่มเป้าหมาย
และให้กรมควบคุมโรคติดตามการให้บริการวัคซีนอย่างใกล้ชิด
นายวิทยากล่าวต่อว่า ได้ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
กำชับโรงพยาบาลทั่วประเทศในเรื่องการเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีนแก่กลุ่มเป้าหมาย
และดูแลรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้เข้มงวดใน 4 เดือนนี้
เพื่อลดการเสียชีวิตให้มากที่สุด
ในสัปดาห์หน้าจะรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อีกระลอก
ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั่วโลกมีใน 207 ประเทศ
การระบาดยังคงรุนแรงในซีกโลกเหนือ
แต่มีแนวโน้มทรงตัวและชะลอในบางประเทศ
พื้นที่ระบาดใหม่พบในยุโรปตอนกลางและประเทศแถบตะวันออกกลาง
ในส่วนของไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
พบมีการระบาดเป็นกลุ่มที่จ.นครสวรรค์
ขณะนี้ให้ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วในจังหวัดนครสวรรค์
เข้าไปควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดเป็นการด่วนแล้ว
โดยนักเรียนที่ป่วยครั้งนี้ อาการไม่รุนแรง ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล
แต่ได้ให้หยุดเรียนพักอยู่ที่บ้าน 7 วัน
ตั้งแต่พฤษภาคม 2552 -
6 ธันวาคม 2552 มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสม 29,370 ราย เสียชีวิตรวม
189 ราย และตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
จะยกเลิกการรายงานจำนวนผู้ป่วยยืนยันรายใหม่
เพราะไม่ได้ตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการทุกรายเหมือนก่อน
จะตรวจเฉพาะเท่าที่จำเป็นเพื่อประเมินสถานการณ์การระบาดตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
โดยกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมประชุมประจำเดือนกับกระทรวงมหาดไทย
เพื่อชี้แจงให้ผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด
สั่งการให้เฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009
ในพื้นที่อย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ในเดือนธันวาคม 2552
กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่2009
จำนวน 31 คน
เพื่อให้คำปรึกษาแก่แพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศทั้งรัฐและเอกชนตลอด 24
ชั่วโมง เพื่อลดการเสียชีวิตของผู้ป่วย
ทางด้านนายแพทย์มานิต
ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า
กรมควบคุมโรคได้เตรียมความพร้อมในการกระจายวัคซีนที่จะมา 2
แสนโดสในปลายเดือนนี้
โดยจะให้แก่กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดก่อนได้แก่หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ตั้งแต่
3 เดือนขึ้นไป ผู้มีน้ำหนักตัวเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป
ส่วนกลุ่มเสี่ยงอื่นๆที่เหลือจะให้ถัดไปเมื่อวัคซีนล็อตต่อไป 8 แสนโดส
และ 1 ล้านโดส มาถึงในช่วงกลางเดือน และปลายเดือนมกราคม 2553
โดยจะเริ่มให้วัคซีนเข็มแรกแก่กลุ่มเสี่ยง ครั้งแรกในวันที่ 11 มกราคม
2553
ขณะนี้ได้ให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศและกทม.สำรวจกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับวัคซีน
โดยให้ส่งเป็นรายชื่อ ที่อยู่ให้ชัดเจนในแต่ละพื้นที่
เพื่อป้องกันการให้วัคซีนซ้ำซ้อน
และช่วงนี้กรมควบคุมโรคจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีการเตรียมพร้อมที่จะรับวัคซีนใน
7 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1.ทราบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับวัคซีนหรือไม่ 2.
รู้ข้อห้ามในการรับวัคซีน 3.
รู้ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ของวัคซีน 4.
การแจ้งชื่อและลงชื่อเพื่อรับวัคซีน 5.
การฉีดวัคซีนจะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของกลุ่มเสี่ยง 6.
สังเกตอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน 30 นาทีที่โรงพยาบาล
และ7.รู้สถานที่ติดต่อเมื่อมีอาการผิดปกติอื่นๆภายหลังรับวัคซีนแล้ว
สำหรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่จะฉีดครั้งนี้
จะให้บริการฟรีที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ ส่วนโรงพยาบาลเอกชน
เข้าร่วมโครงการวัคซีนฟรีในหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ที่รพ.เอกชน
โดยมีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าบริการฉีดวัคซีนเท่านั้นตามที่โรงพยาบาลเอกชนนั้นๆกำหนด
ส่วนวัคซีนฟรี นายแพทย์มานิตกล่าว
*********************************** 9 ธันวาคม 2552
|
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ
[9/ธ.ค/2552]
| |